The Complete Guide for Acne Scar Revision

สิว เป็นปัญหาหนึ่ง แต่รอยแผลเป็นที่เหลืออยู่หลังจากสิวหายนั้นยิ่งเป็นปัญหาใหญ่กว่า เทคนิคที่ดีที่สุดในการรักษารอยแผลเป็นหลุมสิวคือการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น นั่นคือการรักษาสิวให้ดีและรวดเร็วตั้งแต่เริ่มต้น

ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาสิว

ในปัจจุบัน การรักษารอยแผลเป็นหลุมสิวสามารถทำได้หลายวิธี แต่ก่อนที่เราจะพูดถึงวิธีการนั้น ขั้นตอนแรกคือต้องดูว่าสามารถทำอะไรได้บ้างสำหรับแต่ละบุคคล นี่คือสิ่งที่คุณควรทราบเพื่อนำไปสู่การคาดหวังอย่างมีเหตุผล

  1. ผลลัพธ์หลังการรักษาอาจแตกต่างกัน
    ตัวเลือกการรักษาที่ถูกมองว่าเป็น ‘การรักษาแผลเป็นจากสิวที่ดีที่สุด’ อาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกับบางคน แต่อาจไม่ได้ผลเลยสำหรับคนอื่น ถ้าไม่รักษาโดยวิเคราะห์ตามชนิดของหลุมสิว และเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับหลุมสิวแต่ละชนิด

    เพื่อให้เข้าใจเรื่องนี้ เราต้องรู้ว่าการรักษาแผลเป็นจากสิวส่วนใหญ่ทำงานอย่างไร กลไกหลักคือการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อไปเติมเต็มรอยแผลเป็นหลุมสิว ด้วยเหตุที่ร่างกายของแต่ละคนสร้างคอลลาเจนออกมาได้แตกต่างกันมาก ผลลัพธ์จึงไม่เหมือนกันแม้ในบุคคลที่ได้รับการรักษาแบบเดียวกัน

  2. การรักษารอยแผลเป็นหลุมสิวต้องใช้เวลา
    จริงๆ แล้ว เราเรียกกระบวนการนี้ว่า — การแก้ไขรอยแผลเป็น (Acne Scar Revision)การใช้คำว่าแก้ไข อธิบายกระบวนการนี้ได้แม่นยำกว่าคำว่าการลบรอยแผลเป็น (Scar Remover) หากคุณจำเหตุการณ์ก่อนการเกิดรอยหลุมสิวได้ หรือแม้กระทั่งแผลเป็นจากการฉีกขาด คุณจะจำได้ว่ารอยแผลเป็นนั้นดูแตกต่างกันมากในเดือนแรกหลังจากได้รับบาดเจ็บเมื่อเทียบกับหนึ่งปีหลังจากนั้น นั่นคือกระบวนการของการเปลี่ยนแปลงคอลลาเจน ในการซ่อมแซมแผลเป็นซึ่งต้องใช้เวลา

    ไม่ว่าเราจะใช้การรักษาด้วย เลเซอร์, MFR สำหรับรอยแผลเป็นจากสิว หรือการทำ subcision กระบวนการของการเปลี่ยนแปลงรอยแผลหลุมสิวต้องใช้เวลาในการพัฒนาจนเกิดผลลัพธ์สูงสุด

  3. มักจะต้องการการรักษามากกว่าหนึ่งครั้ง
    มีความคาดหวังบ่อยครั้งจากคนไข้ ว่ารอยแผลเป็นควรจะถูกลบออกอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่ในครั้งแรกของการรักษา คอลลาเจนที่เราได้พูดถึงข้างต้นนั้นมันไม่ง่ายที่จะถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ภายในครั้งเดียว เราจึงจำเป็นต้องกระตุ้นคอลลาเจน และให้คอลลาเจนนั้นเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนแปลงเพื่อเติมเต็มยกรอยแผลหลุมสิวเป็นให้ตื้นขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของรอยแผลเป็นจากสิว จำนวนครั้งที่ต้องการสำหรับการรักษาอาจมีตั้งแต่ไม่กี่ครั้งจนถึงหลายครั้ง แต่เป็นสิ่งที่คาดหวังได้จริงที่จะต้องมีอย่างน้อย 3 ถึง 6 ครั้ง สำหรับรอยแผลเป็นระดับปานกลาง และอาจมากขึ้นสำหรับประเภทที่รุนแรง

  4. ต้องการตัวเลือกในการรักษามากกว่าหนึ่งอย่าง หมายความว่าอาจต้องมีการผสมผสานมากกว่า 1 วิธี
    รอยแผลเป็นจากสิว หลุมสิว มีหลายประเภท ดังนั้นเพื่อการรักษาให้ตอบสนองได้สูงสุดจึงต้องมีตัวเลือกในการรักษาหลายอย่าง รอยแผลเป็นจากสิว หลุมสิว ไม่ได้มีเพียงมิติเดียว และการเปลี่ยนแปลงคอลลาเจนต้องถูกกระตุ้นในระดับที่แตกต่างกัน ดังนั้นการผสมผสานขั้นตอนการรักษามากกว่าหนึ่งวิธีจึงเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เช่นการใช้ Blunt Cannular subcision สำหรับรอยแผลเป็นที่ลึก การเติมเต็มด้วยฟิลเลอร์เพื่อชดเชยรูปทรงที่ขาดหายไปของหลุมสิวแบบ Volume depletion และการใช้เลเซอร์, Micro needling RF สำหรับการทำให้ผิวเรียบเนียนพร้อมกับการเพิ่ม PRP, Cellular Matrix, 2%Polyneucleotide, Exosome เพื่อผลการรักษาที่เร็วขึ้น ซึ่งในบางครั้ง อาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะผสมผสานการรักษาเหล่านี้ในครั้งเดียวกัน หรืออาจจะทำเป็นขั้นตอนๆ

  5. ต้องวางแผนเวลาพักฟื้นผิวหน้าที่เพียงพอ
    แต่มียกเว้นสำหรับรอยแผลหลุมสิวที่ตื้นมาก รอยแดงรอยดำจากสิว นอกนั้นรอยแผลเป็นชนิดอื่นๆ ต้องการการรักษาที่ลึกขึ้น ซึ่งมักจะมีเวลาพักฟื้นเช่น การ subcision อาจทำให้เกิดรอยฟกช้ำได้เช่นกัน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาพอสมควรในการหายเป็นปกติ โดยระยะเวลาการพักฟื้นจะเกี่ยวข้องกับระดับความรุนแรงของปัญหา ดังนั้นการแก้ไขหลุมสิว จึงไม่เหมือนการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งไม่ต้องมีเวลาพักฟื้น ดังนั้นคุณอาจต้องวางแผนและกำหนดตารางเวลาสำหรับการรักษาของคุณ อย่างไรก็ดีมีเครื่องมือทางการแพทย์หลายชนิดที่ใช้เวลาในการพักฟื้นต่ำ เช่น Picosecond Laser (เหมาะกับการรักษารอยดำ รอยแดง หลุมสิวตื้นๆและกระชับรูขุมขน), Infini MFR (Advanced microneedle fractional RF ซึ่งหัวเข็มระดับไมครอน เคลือบด้วยหัวทองคำ และปรับระดับความลึกและการส่งพลังงานได้ตามหลุมสิวแต่ละชนิด จึงรักษารูขุมขนกว้าง หลุมสิวที่ลึก และรอยแดงจากสิวได้ โดยใช้เวลาพักฟื้นต่ำ และคนไข้ส่วนใหญ่ตอบสนองต่อผลการรักษาได้ชัดเจน) เป็นต้น

    ตอนนี้คุณมีพื้นฐานการวางแผนเรียบร้อยแล้ว ต่อไปมาดูการรักษารอยแผลเป็นอย่างละเอียดกัน เราจะนำคุณไปทำความเข้าใจกับการรักษาที่มีอยู่สำหรับรักษารอยแผลเป็นจากสิว พวกเราจะพิจารณาวิธีการเลือกการรักษาสำหรับประเภทของรอยแผลเป็นและประเภทผิวต่างๆ แล้วจึงศึกษากระบวนการเหล่านั้นอย่างละเอียด

การ Subcision เลาะผังผืดหลุมสิว เป็นทางเลือกที่ดีหรือไม่?

  สิ่งแรกที่เรานึกถึงเมื่อพูดถึงการรักษารอยแผลเป็นจากสิว — คือเลเซอร์ การรักษาด้วยเลเซอร์สำหรับรอยแผลเป็นจากสิวมีมานานแล้ว แต่การ Subcision เลาะผังผืดหลุมสิว ก็มีมานานกว่า — แต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ในโพสต์นี้จะกล่าวถึงกระบวนการแก้ไขรอยแผลเป็นที่ทำบ่อยที่สุด ซึ่งได้ผลดีสำหรับรอยแผลเป็นจากสิว วิธีการการ Subcision เลาะผังผืดหลุมสิว อาจใช้แบบเดี่ยวๆ หรือร่วมกับเลเซอร์หรือการใช้เข็มเล็ก ๆ ที่ส่งคลื่นวิทยุ (radiofrequency microneedling) แต่การเลือกขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้พิจารณา

   โดยเลือกเทคนิค ลำดับขั้นตอน และการติดตามผลการรักษา ขึ้นอยู่กับประเภทของรอยแผลเป็นจากสิว ระดับความรุนแรง ระยะเวลาที่เป็นรอยแผลเป็น และความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนสีที่อาจเกิดขึ้นระยะยาวกับรอยแผลเป็นบางประเภท

   การทำ subcision หมายถึงการตัดผังผืดใต้ผิวหนัง  การเข้าใจสิ่งนี้ อาจต้องลงอย่างละเอียดในโครงสร้างของหลุมสิว รอยแผลเป็น เนื่องจากการอักเสบที่เกิดขึ้นแบบไม่สม่ำเสมอจากสิว เกิดที่หนังแท้ หรือ Dermis (ชั้นของผิวหนังชั้นที่สองจากด้านบน และบางครั้งลงไปถึงชั้นใต้ผิวหนัง หรือ Subcutaneous) ซึ่งเป็นการอธิบายแบบเป็น 2 มิติ ซึ่งเมื่อลงถึงภาพ 3 มิติของรอยแผลเป็นจากสิวนั้นซับซ้อนกว่ามาก

ที่มา: Lio P, Sodha D. Acne Scarring as a Therapeutic Endpoint: A Review. Journal of Integrative Dermatology. Published online December 30, 2023.

  ในรอยแผลเป็นชนิดกล่องที่ลึก (boxcar scars) ความเสียหายรุนแรงจนผิวหนังดูเหมือนถูกดึง หรือมัดติดกับเนื้อเยื่อที่ลึกกว่า การดึงนี้เกิดขึ้นอย่างไม่สม่ำเสมอไม่เป็นรูปทรง และทำให้รอยแผลเป็นจากสิวหรือหลุมสิวที่รูปร่างแบบไม่แน่นอน แต่หากเปรียบเทียบกับรอยแผลเป็นจากโรคอีสุกอีใสที่มักจะเป็นลักษณะวงกลมที่สม่ำเสมอ (Rolling scar) แม้ว่าจะมีการยุบตัวเหมือนกันก็ตาม

  ดังนั้น หนึ่งในเป้าหมายสำคัญในการแก้ไขรอยแผลเป็นจากสิวคือการตัดผิวหนังที่ถูกผูกมัดและติดกับเนื้อเยื่อหรือผังผืด การทำ Subcision เป็นเทคนิคที่ใช้เข็มขนาดเล็กเพื่อเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อเลาะผังผืดออกทั้งหมด ทำให้ผิวหนังที่ถูกดึงให้ต่ำลงสามารถกลับมาตื้นขึ้นอีกครั้ง ซึ่งอาจต้องทำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในทุกๆครั้ง

ต้องใช้เวลาพักฟื้นมากไหม? แล้วมีความเสี่ยงอะไรบ้างจากการทำ Subcision?

  แม้ว่าคำอธิบายอาจฟังดูซับซ้อน แต่จริงๆ แล้วมันเป็นกระบวนการที่ง่าย ในความเป็นจริง มันเป็นหนึ่งในเทคนิคการแก้ไขรอยแผลเป็นที่พื้นฐานที่สุด อาจมีเวลาพักฟื้นสูงสุดหนึ่งสัปดาห์ (2–10 วัน) และผลลัพธ์ถาวร ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดคือความเสี่ยงของการเปลี่ยนสีชั่วคราวจากรอยช้ำ ซึ่งปกติแล้วจะดีขึ้นเองตามเวลา ดังนั้นจึงไม่ควรจับหรือสัมผัสพื้นที่ที่ได้รับการรักษา

ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ Subcision

  เราได้พูดไปแล้วว่าหนึ่งในเป้าหมายหลักในการรักษารอยแผลเป็นจากสิวคือการยกผิวที่ถูกดึงให้ต่ำลงจากผังผืดขึ้นมา  นอกจากนี้เรายังต้องทำงานกับ ขอบของหลุมสิว — ไม่ว่ารอยแผลเป็นจะถูกยกขึ้นมามากเพียงใด ตราบใดที่ยังมี ขอบที่คมชัดเจน — รอยแผลเป็นก็ยังดูเด่นอยู่ นี่คือเหตุผลของการทำ subcision กับการกับการใช้เข็มเล็กๆ ที่ส่งคลื่นวิทยุ (radiofrequency microneedling- INFINI MFR) ซึ่งการรักษาด้วย MRF จะทำก่อนกระบวนการทำ subcision เพื่อลดความแข็ง ความเหนียวของเนื้อเยื่อผังผืด และกระตุ้นคอลลาเจน และช่วยให้การตัดเลาะผังผืดเป็นไปอย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น

  สรุปได้ว่า เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเข้าใจว่าจะเลือกใช้วิธีการใดในการรักษา ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหา และกว่า 95%ของคนไข้ที่ BAC Clinic จะใช้ เทคนิคการรักษาร่วมกันมากกว่าหนึ่งวิธีนั้น ซึ่งได้ผลดีกว่าการพึ่งพาเพียงวิธีการเดียว ตัวอย่างเช่น การทำ Blunt cannular subcision กับ MFR และเติม Cellular Matrix, Exosome, PN, PDRN เพื่อการรีโมเดลหรือจัดระเบียบในการเรียงตัวของรอยแผลเป็นที่ดีชัดเจนมากยิ่งขึ้น หากมีปัญหาเรื่องปริมาตรที่ขาดหายไป ก็จะตามด้วยการใช้สารเติมเต็มเพื่อแก้ไขช่องว่างที่ใหญ่ขึ้น

ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเติมฟิลเลอร์รักษาหลุมสิว
ประเภทของรอยแผลเป็นสิว และ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการรักษารอยแผลเป็น

  รอยแผลเป็นสิวสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทกว้างๆ คือ รอยแผลเป็นที่ลึกลงไป (Atrophic scar)และรอยแผลเป็นที่นูนขึ้นมา (Hypertrophic scar)รอยแผลเป็นที่ลึกลงไปมีมากกว่ารอยแผลเป็นที่นูนขึ้นมา

  รอยแผลเป็นสิวที่ลึกลงไปเช่น รอยแผลเป็น rolling scar, รอยแผลเป็นแบบกล่อง boxcar scar, และรอยแผลเป็นแบบ ice pick scar หรือหลุมจิก แต่ละประเภทนี้สามารถแบ่งออกเป็นสองระดับคือ ระดับตื้นและลึก มาดูแต่ละประเภทให้ละเอียดกว่านี้

รอยแผลเป็น Rolling scar

  รอยแผลเป็นประเภทนี้เป็นประเภทที่ดีที่สุดในการรักษา มีขอบที่ค่อนข้างเรียบ, ไม่ได้ถูกดึงด้วยผังผืดลึกมากนัก อาจมีขนาดกว้างแต่ไม่กินลึกถึงชั้นหนังแท้ และไม่ได้มีสีที่เข้มมากนัก ประเภทของรอยแผลเป็นนี้สามารถตอบสนองต่อการรักษาได้ดีมาก, ด้วยวิธีการรักษาใดก็ตามที่คุณเลือก — เช่น การใช้เลเซอร์, MFR, การซับซิชั่น ฯลฯ

รอยแผลเป็นแบบกล่อง Boxcar scar

  สามารถเป็นแบบตื้นหรือลึกได้ คำว่า ‘กล่อง’ มาจากลักษณะของรอยแผลเป็นที่มีขอบเขตชัด ฐานเป็นสี่เหลี่ยม มีความแข็งแรง, รอยแผลเป็นแบบกล่องมีความยากในการรักษาที่สูงขึ้น — มีขอบที่ชัดเจนและคมชัด, ทำให้รอยแผลเป็นเหล่านี้เห็นได้ชัดเจนแม้จากระยะไกล และขอบของมันชัดมากกว่าความลึกเอง ผังผืดมักจะมีการยึดติดกับโครงสร้างรอบข้างอย่างไม่เป็นระเบียบในระดับความลึกต่างๆ ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับแผลเป็นแบบ rolling scar ที่ลึกบางรูปแบบ ดังนั้นจึงการการรักษาแบบผสมผสานเพื่อจัดการกับแผลเป็นหลุมสิวในระดับ 3 มิติ

   สำหรับแผลเป็นแบบกล่องที่ตื้น อาจจะมีการยุบตัวจากผิวหนังเพียงเล็กน้อย แต่เนื่องจากขอบของมันชัดเจน — ผลลัพธ์การตอบสนองจึงอาจจะน้อยกว่าแผลเป็นแบบ Rolling scar ไม่ว่าจะตื้นหรือลึกก็ตาม

แผลเป็นแบบ Ice pick scar หรือหลุมจิก

  ดังชื่อที่บอก นี่คือแผลเป็นที่ดูเหมือนว่ามีการจิกลงไป จึงแคบมาก และบางครั้งอาจลึกมาก การรักษาสำหรับแผลเป็นเหล่านี้ เช่นการใช้ TCA CROSS (Chemical Reconstruction of Skin Scars) ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อจัดการกับแผลเป็นแบบ ice pick scar โดยเฉพาะ การใช้ Radiofrequency microneedling (INFINI MFR) ที่ส่งพลังงานเข้าไปในผิวหนังในระดับที่กำหนดได้ ก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องจากเข็มสามารถโฟกัสไปที่แผลเป็นแบบ ice pick scar ได้ดีกว่าลำแสงพิโคเลเซอร์

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการรักษารอยแผลเป็น

อายุของแผลเป็น — ยิ่งแผลเป็นเก่า การตอบสนองก็ยิ่งน้อย และจำนวนการรักษาที่จำเป็นก็ยิ่งมากขึ้น
การลุกลามของโรค — หากสิวไม่ได้รับการควบคุมอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นพร้อมกันหรือต่อเนื่อง ผลลัพธ์รวมอาจไม่ดีเท่าที่ควร การรักษาสิวจึงไม่ควรมองข้าม
การสัมผัสแสงแดด — สามารถขัดขวางการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้อย่างมาก สิ่งที่ต้องการเพื่อจัดการกับเรื่องนี้คือการใช้ครีมกันแดดจากการทานและการทาที่ดีรวมกัน
การสูบบุหรี่ — สามารถยับยั้งการสร้างคอลลาเจนใหม่ และยังสามารถทำให้คอลลาเจนสลายตัวได้ การสูบบุหรี่ยังทำให้ผิวแก่ก่อนวัย — ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีเมื่อเรากำลังพยายามรักษาหลุมสิว
การนอนหลับ — ความเครียดและการขาดการนอนหลับเป็นปัจจัยที่สามารถทำให้เกิดความเสียหายจากการออกซิเดชัน แม้ว่าสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยได้บ้าง แต่การนอนหลับที่มีคุณภาพย่อมช่วยได้ดีกว่า

รักษาหลุมสิวยิ่งแพง ไม่เท่ากับว่ายิ่งดี ถ้าต้นเหตุ ไม่ได้ถูกแก้ไข

ถ้าคุณมีเวลามีเงินไม่จำกัด คุณจะเลือกรักษาที่ไหนก็ได้ แต่ถ้าคุณอยากจบปัญหาได้จริง แบบไม่บานปลาย ที่นี่คือคำตอบ ปัญหาหลุมสิวต้องใช้หัตถการเฉพาะที่อาศัยประสบการณ์และเทคนิคผสมผสาน และที่สำคัญต้องออกแบบเฉพาะบุคคล รักษาหลุมสิวให้ “จบ”

ด้วย 3 เทคนิค โดยแพทย์ผู้ชำนาญประสบการณ์สูง

เซาะ — ผังผืดใต้หลุมสิวให้ขาดทุกชั้น ด้วยเครื่องมือเล็กพิเศษ ลดการบวมช้ำ โปรแกรม Microsubcision (Blunt Cannular Multilayer) ตัดเลาะ เซาะผังผืดทั่วหน้า (บางที่เรียกว่าศัลยกรรมหลุมสิว)
เสริม — กระตุ้นเนื้อใต้หลุมสิวให้หนาขึ้น ฟูขึ้น ด้วย PN/PDRN/TCA เสริมประสิทธิภาพกับหัตถการอื่น
สร้าง — สร้างคอลาเจนสดใหม่ ปรับคอลลาเจนให้เรียงตัวเป็นระเบียบ รูขุมขนแน่นขึ้น ด้วย Infini MFR

ดังนั้น หากต้องจ่ายแพงขึ้น ต้องพิจารณาว่า จะดีขึ้นกว่าจ่ายตามมาตรฐานเท่าไร กี่%?

ถ้าได้ 5–15% คุ้มไหม เพราะแทบไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
รักษาหลุมสิวต้องศึกษา ก่อนตัดสินใจ

อัตราค่ารักษาแผลเป็นหลุมสิวที่บีเอซี

ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของแผลเป็นหลุมสิว เนื่องจากวิธีการรักษา จำนวนครั้ง และเครื่องมือที่ใช้มีความแตกต่างกัน

รักษาหลุมสิว ราคาเริ่มต้นที่ 500 บาท รายละเอียดดังนี้

- โปรแกรม Microsubcision (Blunt Cannular Multilayer) ตัดเลาะ เซาะผังผืดทั่วหน้า (บางที่เรียกว่าศัลยกรรมหลุมสิว) เป็นวิธีการรักษาหลุมสิว ด้วยการตัดผังผืดหลุมสิว ใช้เข็มขนาดเล็กพิเศษ ตัดผังผืดได้ทุกรูปแบบ เจ็บน้อย อาจบวมช้ำเพียงเล็กน้อย เห็นผลชัดเจนตั้งแต่ทำครั้งแรก

อัตราค่ารักษาการเลาะผังผืดด้วยเข็มทู่

จุดละ 500 บาท ทั่วหน้า ค่าบริการ 1,500 บาท (ราคาพิเศษเมื่อทำคู่กับเลเซอร์ที่จัดรายการ)
จุดละ 900 บาท ทั่วหน้า ค่าบริการ 2,900 บาท (ราคาปกติเมื่อไม่ได้ทำควบคู่เลเซอร์)

-TCA CROSS และ TCA paint (TCA Chemical Reconstruction of Skin Scars) การทำ TCA CROSS เป็นเทคนิคที่ใช้กรด TCA ความเข้มข้นสูงแต้มหลุมสิว โดยใช้อุปกรณ์ไม้จิ้มฟัน หรือเข็มขนาดเล็ก โดยผลของ TCA จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้เกิดการสร้างผิวใหม่ รวมถึงทำให้เกิดการเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจน แม้หลุมสิวที่ลึก เช่น หลุมจิก (Ice pick scars) หลุม boxcar scar ที่ลึกและแคบ

อัตราค่ารักษาการแต้มกรด TCA

- ทำคู่เลเซอร์ เช่น Picosecond และ Infini MFR
เฉพาะจุด 500 บาท ทั่วหน้า ค่าบริการ 1,200 บาท

- ไม่ทำคู่เลเซอร์
เฉพาะจุด 800 บาท ทั่วหน้า ค่าบริการ 1,990 บาท

- Microneedle fractional RF (โปรแกรม Infini MFR มาตรฐาน USFDA) ราคาเริ่มต้นที่ 9,900 บาท แถมเมโสหลุมสิว (PDRN), ฉายแสงลดการอักเสบ, มาร์คยาชา และครีมบำรุงหลังเลเซอร์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มเติมหากไม่ได้แจ้งคนไข้ก่อน คนไข้จะได้รับการประเมินและหัตถถารจากแพทย์ก่อนทำการรักษา
- Rejuran healer 2cc 8900 บาท
- Rejuran S 1 cc 9,900 บาท
- Rejuran healer 2cc + Infini MFR 16,900 บาท
- Rejuran S 1cc + Infini MFR 17,900 บาท

วางแผนการรักษาหลุมสิว แก้ปัญหาได้ตรงจุด นัดหมายปรึกษา Acne Scar Specialist