โกร์ท แฟคเตอร์ ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1950 โดย Stanley Cohen และ Rita Levi-Montalcini ซึ่งการค้นพบในครั้งนี้เป็นการจุดประกายของ Platelet rich plasma (PRP) หรือส่วนของพลาสมา/น้ำเลือดในปริมาณเล็กน้อย ที่มีส่วนประกอบของเกล็ดเลือดในปริมาณที่สูง ซึ่งผลงานนี้ส่งผลให้พวกเขาได้รับรางวัลโนเบลในเวลาต่อมา
ดังนั้นเพื่อให้เกิดขบวนการฟื้นฟูเซลล์อย่างรวดเร็วเต็มประสิทธิภาพ ต้องเกิดจาก Stemcell ที่มีคุณภาพ ในราคาที่คุ้มค่า
ทำไมต้อง Active Stem Cell Liquid Gold ที่ บีเอซี คลินิก?
วิธีในการเตรียม Platelet rich plasma (PRP) นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีการใช้ PRPอย่างแพร่หลายซึ่งการรักษาด้วย PRP นั้นจะมีประสิทธิภาพอย่างมาก หากเข้าใจวิธีการในการให้ได้มาซึ่ง โกร์ท แฟคเตอร์ ที่สามารถทำงานได้ทันเวลา และตรงตามวัตถุประสงค์ในการใช้ ซึ่ง PRP ได้นำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยมากว่า 30 ปีแล้ว เช่นใน การรักษาผมร่วง รักษาแผลเป็น หลุมสิว รวมถึงการฟื้นฟูผิวจากภายในเพื่อลดริ้วรอย ชะลอความเสื่อมที่เกิดขึ้นตามวัย รักษาโรคที่เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของกระดูก ข้อต่อ เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ของร่างกาย
เกล็ดเลือด (platelet ) หรือ thrombocytes เป็นเซลล์ชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กมาก เป็นแหล่งสำคัญของโกร์ท แฟคเตอร์, โปรตีน, ไซโตไคน์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูเซลล์
Platelet-rich plasma (PRP) คือ ส่วนประกอบของพลาสมา ที่มีความเข้นข้นของเกล็ดเลือดเป็น 5-10 เท่า ของระดับเกล็ดเลือดจากเลือดครบส่วนปกติ โดยปกติเกล็ดเลือดทำให้หน้าที่ในกระบวนหายของแผล ด้วยการปลอดปล่อยสารที่เรียกว่า
Growth Factor, Protein และ cytokines ซึ่งจะทำหน้าที่ให้เลือดแข็งตัว ในการกระตุ้นการหายของแผล และซ่อมแซมเซลล์ ทำให้เซลล์เติบโต การสร้างหลอดเลือดใหม่ การสร้างกระดูก และการสังเคราะห์คอลลาเจน เป็นต้น
BAC Clinic เลือกใช้ PRP ซึ่งผสมผสานน้ำยากระตุ้น stem cell หรือ activator
ด้วย protocol
ที่ใส่ใจทุกๆขั้นตอนเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ growth factors ในปริมาณที่สูง เพื่อที่จะสามารถกระตุ้น
native adult stem cells ตามธรรมชาติ เพื่อในการใช้ในการรักษา ด้านผิวหนังและความงาม (dermatology) รักษาแผลเป็น (wound healing) ฟื้นฟูให้ผิวที่เสื่อมสภาพตามอายุนั้นกลับมามีคอลลาเจน และยืดหยุ่นดีอีกครั้ง
(skin rejuvenation ) รวมถึงรักษาโรคที่เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของกระดูก ข้อต่อ เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆของร่างกาย
รูปที่ 1 แสดงผลก่อนและหลังการรักษาฝ้าด้วย PRP (Çayırlı et al., 2014)
จากผลการศึกษาของ Çayırlı และคณะ ในปี 2014 โดยการใช้เทคนิคทาง PRP โดยได้มีการเจาะเลือดจากคนไข้ 8 มิลลิลิตร โดยใช้ tube ซึ่งประกอบด้วยเจลและสารกันเลือดแข็ง นำมาทำการปั่นแยกที่ความเร็ว 3,500 rpm เป็นเวลา 8 นาที และทำการแยกส่วน PRP ซึ่งอยู่บริเวณ
buffy coat หลังจากนั้นใช้เข็มเบอร์ 32 G ทำการฉีด PRP ดังกล่าวลงสู่ใต้ผิวด้วยวิธีการทางเมโสเธอราปี โดยกำหนดไปที่ผิวหนังชั้น papillary dermis หรือที่ระดับความลึกประมาณ 1.5∼2.0 มิลลิเมตร ใช้ปริมาณ PRP ทั้งหมดประมาณ 1.5 มิลลิลิตร โดยทำการฉีดทั้งหมด
3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งห่างกันที่ 15 วัน เมื่อจบการศึกษาพบว่า ฝ้า ชนิด
epidermal ลดลงประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ดังแสดงในรูปที่ 1 (หลัง)
ส่วนประกอบที่สำคัญของเกล็ดเลือดใน α-granules พบว่ามีสารสำคัญทางชีวภาพกว่า 30 ชนิด รวมถึง platelet-derived growth factor (PDGF), transforming growth factor (TGF)-β1, 2, epidermal growth factor, และ mitogenic growth
factors เช่น platelet-derived angiogenesis factor and fibrinogen3 ซึ่งจากข้อมูลที่มีอยู่
TGF-β1 เป็นโกร์ท แฟคเตอร์ ที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า
รูปที่ 2 แสดงผลการรักษาคนไข้เพศชาย หลุมสิว เกรด 4 ด้วย PRP (Nofal et al., 2014)
รูปที่ 3 แสดงผลการรักษาคนไข้เพศชาย หลุมสิว เกรด 4 และ แผลเป็น (traumatic acne) Group C ด้วย PRP และ skin needling (Nofal et al., 2014)
จากการศึกษาของ Nofal และคณะ ในปี 2014 ซึ่งแสดงผลการรักษาคนไข้เพศชาย หลุมสิวชนิดเกรด 4 (รูปที่ 2) ด้วย PRP และ คนไข้เพศชายซึ่งมี หลุมสิว เกรด 4 และแผลเป็น (traumatic acne) Group C (รูปที่ 3) ด้วย PRP และ skin needling (Nofal et al., 2014) หลังการรักษา
session สุดท้าย 2 เดือน โดยในการศึกษานี้ทำการรักษาทั้งหมด 3 sessions โดยในแต่ละครั้งห่างกันที่ 2 สัปห์ดา โดยผลการรักษาแสดงถึงการตอบสนองในระดับที่
ดีมากของคนไข้หลุมสิวและแผลเป็น ต่อ activated PRP ที่ใช้ activator ในอัตราส่วน 1 : 9 และวิธีการปั่นแบบ double-spin method โดยทำการฉีดแบบ intradermal ในปริมาณ 0.1 - 0.3 mL บริเวณหลุมสิวแต่ละข้างบนใบหน้าโดยใช้ปริมาณรวมทั้งหมดที่
1 mL
ซึ่งจะเห็นได้ว่า เกล็ดเลือดเข้มข้นในรูปแบบ Activated platelets จะมีการหลั่ง cytokines, chemokines และ growth factors อาทิเช่น vascular endothelial growth factor, platelet-derived growth factor, epidermal
growth factor, fibroblast growth factor, transforming growth factor-b, insulin-like growth factor, IL-8, macrophage inflammatory protein-1a, and platelet factor ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิวเป็นไปอย่างสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็นขบวนการสร้างเส้นเลือดใหม่
(angiogenesis), การจัดเรียงเนื้อเยื่อใหม่ (tissue remodeling) และช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น (wound healing) รวมถึงการใช้เทคนิค skin needling ซึ่งเป็นการใช้เข็มเข้ามามีส่วนทำให้ผิวบาดเจ็บและส่งผลให้เกล็ดเลือดทำหน้าที่ได้ดียิ่งขึ้นในขบวนการของขั้นตอนการซ่อมแซมเซลล์ผิว
ซึ่ง Fractional
microneedling RF หรือ Gold Derma Laser ซึ่งเป็นการใช้หัวเข็มทองคำควบคู่กับคลื่นวิทยุมีให้บริการที่ BAC Clinic ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถนัดหมายแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติมได้
กล่าวโดยสรุป การใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นนั้น สามารถนำมาใช้เดี่ยวๆ หรือใช้ควบคู่กับการทำเมโสเธอราปี, เลเซอร์, micro needling, ฟิลเลอร์ รวมถึงการร้อยไหม เนื่องจากเป็นวิธีการที่ปลอดภัย เพราะเป็นการใช้เลือดของคนไข้เอง ซึ่งในปัจจุบันมีงานวิจัยถึงประสิทธิภาพของ
PRP อย่างแพร่หลาย ดังนั้นการเตรียม PRP อย่างเข้าใจขบวนการให้ได้มาซึ่งโกร์ท แฟคเตอร์ ในปริมาณสูง เป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึง ซึ่งจากที่ได้กล่าวข้างต้น โกร์ท แฟคเตอร์ ใน α-granules ซึ่งมีสารสำคัญกว่า 30 ชนิด จะถูกหลั่งออกมา เมื่อเกล็ดเลือดผ่านขบวนการ
activation ซึ่งทาง BAC Clinic (บีเอซี คลินิก) ให้บริการโปรแกรม ในการรักษาฝ้า กระ รักษาผมร่วง หลุมสิว ด้วย SCF หรือ Active stemcell PRP โดยใช้ขั้นตอนและเทคนิคเฉพาะในการเตรียม ซึ่งรวมถึงการกระตุ้นเกล็ดเลือดด้วย Activator
เพื่อให้มั่นใจว่า จะได้ PRP ที่มีความเข้มข้นของ Growth Factor และประสิทธิภาพสูง และ ด้วยเทคนิคการฉีดเฉพาะตัว ซึ่งสามารถทำควบคู่กับทรีทเม้นท์อื่นๆได้เช่น อาทิเช่น Pico
laser ซึ่งใช้ในการรักษาฝ้า กระ เม็ดสี หลุมสิว โดยไม่ใช้ความร้อน จึงไม่ทำร้ายผิว โดยเฉพาะถ้าทำควบคู่กับโปรแกรม SCF-pigment Zero จะเป็นการแก้ปัญหาฝ้า กระสะสม และฟื้นฟูผิวควบคู่กันได้เป็นอย่างดี และเข้าถึงต้นเหตุเพื่อเป็นการ maintain
ผลลัพธ์หลังการรักษาให้ยาวนานยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การรักษาหลุมสิวและรักษารูขุมขนโดยทำควบคู่กับ Gold derma laser ซึ่งนอกจากจะเห็นผลรวดเร็ว ยังคืนความอ่อนเยาว์สดใสให้กับผิวพรรณได้เป็นอย่างดี รวมถึงการรักษาผมร่วงด้วย SCF ที่ผสมผสาน biotin ก็เป็นวิธีการดูแลเส้นผมที่ได้เข้าถึงประสิทธิภาพสูงสุด
โดยปกติจะเห็นผลลัพธ์หลังการทำไปแล้ว 2-4 สัปดาห์ ควรกระตุ้นซ้ำอีก เพื่อการบำบัดที่มีประสิทธิภาพ ควรทำ PRP Therapy ประมาณ 2-4 ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง 2-4 สัปดาห์ ซึ่งผลการรักษาจะสามารถอยู่ได้นานถึง 12 – 18 เดือน
References
DL Villela, VL Santos. Evidence of the use of platelet-rich plasma for diabetic ulcer: a systematic review. Growth Factors 2010;2:111-6.